เรื่องที่ควรต้องรู้และทำความเข้าใจ เกี่ยวกับแบตเตอรี่
แบตเตอรี่โซล่าเซล |
อันตรายจากการใช้โซล่าเซลและกังหันลมโดยไม่มีแบตเตอรี่
เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซล่าเซลและกังหันลมไฟฟ้าจะไม่นิ่ง ไม่ว่าค่าโวลท์ ค่าแอมป์ หรือค่าวัตต์ โดยเฉพาะกังหันลมแทบจะมีค่าไฟฟ้าที่ผลิตได้มีการแกว่งตัวอยู่แทบตลอดเวลา ดังนั้นคุณลองนึกดูซิครับ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณเอามาใช้กับกระแสไฟฟ้าที่ไม่นิ่งจะมีสภาพอย่างไร ไม่พังคามือในเร็ววัน ก็นับว่าเป็นบุญนักหนาแล้ว
มาทำความรู้จักกับแบตเตอรี่กัน
แบตเตอรี่ที่จะแนะนำมีอยู่ 2 ประเภท คือ แบตเตอรี่ที่ขายในท้องตลาด ขออนุญาตเรียกตามภาษาชาวบ้านว่า แบตเตอรี่รถยนต์ และ แบตเตอรี่ชนิดดีพไซเคิล (หรือแบตโซล่าเซล/กังหันแล้วแต่จะเรียกกัน) โดยทั้งแบตเตอรี่รถยนต์และแบตเตอรี่แบบดีพไซเคิล ก็มีให้เลือกทั้งแบบชนิดเติมน้ำกลั่นและแบบแห้งเหมือนๆ กัน
ความแตกต่างของแบตเตอรี่รถยนต์และแบตเตอรี่ดีพไซเคิล
ก่อนอื่นให้มาดูค่าที่บอกไว้ที่ฉลากของแบตเตอรี่ก่อน ซึ่งจะทำให้เรารู้ค่าตัวเลขอยู่ 2 หน่วยด้วยกันคือ โวลท์ และ แอมป์ แบตเตอรี่ทั่วไปมี 12 โวลท์แน่ๆ แต่แอมป์ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่นั้นๆ แล้วเลขเหล่านี้เราใช้ประโยชนือะไรได้บ้าง
ง่ายที่สุด คุณก็เอา ค่าของแอมป์ คูณด้วย ค่าของโวลท์ ผลลัพท์ที่ได้จะเป็นค่าวัตต์(กำลังไฟฟ้าที่แบตเตอรี่ลูกนั้นสามารถเก็บไว้ได้) ง่ายๆ เช่น แบตขนาด 100A12V ก็จะสามารถเก็บไฟฟ้าได้ 1,200W หรือ 1,200 วัตต์ ดังนั้นให้รู้ไว้เลยว่าไม่ว่าแบตเตอรี่แบบไหนก็ตามถ้ามีค่าแอมป์เท่ากัน ก็จะมีความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้าได้เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ หรือ แบตเตอรี่ชนิดดีพไซเคิล
แต่ที่เป็นความแตกต่างของแบตเตอรี่รถยนต์และแบตเตอรี่ชนิดดีพไซเคิล คือความสามารถในการจ่ายประจุไฟฟ้า ต่างหาก โดยจำแนกได้ดังนี้
1 แบตเตอรี่รถยนต์ มีความสามารถจ่ายไฟได้ประมาณ 20% ของประจุไฟฟ้าที่มันเก็บไว้ นั่นคือถ้าแบตเตอรี่ลูกนั้นเก็บไฟฟ้าได้สูงสุด 1,000 วัตต์ มันก็มีความสามารถในการจ่ายประจุไฟฟ้าได้ประมาณ 200 วัตต์ เท่านั้นเอง ถามว่าถ้าจะดึงไฟฟ้าออกมาใช้ให้มากกว่า 200 วัตต์ได้ไหมเพราะยังมีไฟฟ้าค้างอยู่ในแบตเตอรี่อีกตั้งเยอะแยะ ตอบว่าดึงได้ครับคนไทยประยุกต์เก่งจะตายไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การรีชาร์จ หรือประสิทธิภาพในการชาร์จซ้ำของแบตเตอรี่ลูกนั้นจะเสียหายไป หรือชาร์จไม่ค่อยเข้า เก็บไฟไม่ค่อยอยู่ อะไรประมาณนั้นแหละครับ แต่ที่เราใช้ในรถยนต์แล้วแบตเตอรี่ประเภทนี้มีไฟให้ใช้ได้ไม่หมดก็เพราะเวลาเราสตาร์ทรถยนต์ ไดนาโมของรถก็จะมีการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ตลอดเวลา
2 แบตเตอรี่ชนิดดีพไซเคิล คำว่าดีพ (Deep) ก็แปลตามตัวว่าลึก หมายถึงเป็นแบตเอรี่ที่มีความสามารถในการจ่ายไฟได้มากกว่า บางยี่ห้อจ่ายได้มากถึง 80%ของความจุไฟที่แบตเก็บไว้ได้เลยทีเดียว เช่น ถ้าแบตเตอรี่ลูกนั้นเก็บไฟฟ้าได้สูงสุด 1,000 วัตต์ มันก็มีความสามารถในการจ่ายประจุไฟฟ้าได้มากถึง 800 วัตต์
ดังนั้นถ้าเทียบความสามารถในการเก็บไฟฟ้าและจ่ายไฟฟ้าแล้ว เราต้องใช้แบตเตอรี่รถยนต์ ประมาณ 4 ลูก จึงจะมีความสามารถในการจ่ายไฟและเก็บไฟฟ้าได้เท่ากับแบตเตอรี่ชนิดดีพไซเคิล 1 ลูก
ที่ใช้คำว่า ความสามารถในการจ่ายไฟและเก็บไฟฟ้า เพราะอย่าลืมว่าคุณดึงไฟฟ้าออกมาเท่าไร วันต่อไปคุณสามารถเติมไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ลูกนั้นเท่ากับส่วนที่คุณดึงออกมาเท่านั้นเอง เช่นแบตรถยนต์ขนาดที่สามารถเก็บไฟฟ้าได้ 1,000 วัตต์ มันสามารถจ่ายไฟฟ้าได้สูงสุด 200 วัตต์ เพราะฉนั้นมันจะมีไฟฟ้าสะสมอยู่ในแบตเตอรี่อยู่ 800 วัตต์ ดังนั้นเวลาเติมครั้งต่อไปคุณก็เติมได้แค่ 200 วัตต์ เท่านั้นเอง ไม่ใช่เติมใหม่ได้ 1,000 วัตต์ จริงไหมครับ ที่นี้ภาระกรรมต่างๆ เมื่อแบตเตอรี่เต็มก็จะไปตกหนักอยู่ที่คอนโทรลชาร์จละทีนี้(เรื่องนี้จะหาโอกาสเขียนในวันหลังนะครับ)
ราคาในท้องตลาด ของแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 120 แอมป์ราคาประมาณ 3,400 บาท ถ้าต้องใช้ 4 ลูก ราคารวมประมาณ 13,600 บาท
ราคาในท้องตลาด ของแบตเตอรี่ชนิดดีพไซเคิลขนาด 125 แอมป์ราคาประมาณ 6,100 บาท
คงสรุปได้แล้วนะครับ ใช้แบตเตอรี่แบบไหนจะดีกว่าและราคาถูกกว่ากัน
บทความโดย
ศักดิ์เพ็ชร เรืองแพ
กรีนพาวเวอร์
กรีนพาวเวอร์
ความคิดเห็น
คาสิโนออนไลน์ชั้นนำทีมีความปลอดภัยมีมาตรฐานเป็นทางการจากปอยเปต
ภาพ แสง สี เสียง สวยงามมากที่สุดในบรรดาเว็บคาสิโนออนไลน์ ที่นี่เลยค่ะ
https://www.111player.com