หลังพายุร้ายพัดผ่าน ก็ยังมีสิ่งที่ดีๆ ที่ธรรมชาติให้มา

น้ำท่วมท่าชนะส่งท้ายปี56
 ภาพจากคุณทรงยศ
ร้านท่าชนะคอมพริ้นท์
 โดยข้อเท็จจริง คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครชื่นชอบบรรยากาศช่วงที่มีพายุ โดยเฉพาะสิ่งที่มาควบคู่กับพายุก็คือฝนตกหนัก ซึ่งเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่า ในเมืองไทยฝนตกหนักนิดๆ หน่อยๆ แล้วต้องมีน้ำท่วมให้เห็น จริงๆ จะว่าฝนตกหนักมากกว่าสมัยก่อนก็คงไม่ใช่ แต่ปัญหาจริงๆ ของสาเหตุน้ำท่วมคือน้ำระบายไม่ทันซะมากกว่า เทศบาลท่าชนะ ก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ฝนตกหนักเมื่อไรก็จะมีน้ำท่วมตามมาเสมอ แต่ปีนี้ไม่เหมือนหลายๆ ปีที่ผ่านมา เพราะได้ผู้บริหารเทศบาลชุดใหม่ ได้วางแผนจัดการน้ำโดยวางแผนระบายน้ำที่หลั่งไหลมาอย่างท่วมท้นจากอดีตป่าแต่ปัจจุบันกลายเป็นสวนไปหมดแล้วออกไปก่อนที่มวลน้ำจำนวนมหาศาลจะทะลักเข้าสู่เขตเทศบาลเหมือนก่อนหน้านี้ จึงทำให้ปีนี้มีมวลน้ำเข้ามาในเขตเทศบาลท่าชนะน้อยลงไปมาก แต่ด้วยข้อจำกัดในการรองรับน้ำที่มีอยู่ จึงทำให้มวลน้ำส่วนเกินเพียงเล็กน้อยยังคงทะลักเข้าสู่เขตเทศบาลให้น้ำยังเข้ามาท่วม แต่ก็ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงน้ำทั้งหมดก็ถูกระบายออกไปอย่างรวดเร็ว แตกต่างกันสมัยก่อนหน้านี้ที่ท่วมหนักและยาวนานสาหัสกว่านี้มาก ก็ขอชื่นชมกับศักยภาพของคนทำงานทุกๆ คนที่ร่วมด้วยช่วยกันครับ


ผมเองก็มีที่ดินอยู่ริมทะเลท่าชนะ ก็รู้สึกเสียวๆ อยู่เหมือนกันยามหน้ามรสุม และด้วยช่วงนี้เป็นเดือน 12 ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำนองเต็มตลิ่ง แต่บ้านผมน้ำไม่ได้เต็มแค่ตลิ่งแต่เต็มทะเลหรือทะเลมีมวลน้ำสูงกว่าปกติ ฟ้าหลังฝนตกหนัก ลมแรงเพราะพายุเข้า ทะเลก็พัดพามวลขยะจำนวนมหาศาลถาโถมเข้าสู่ฝั่ง แต่พอไปดูใกล้ๆ มวลขยะที่คลื่นซัดเข้าสู่ฝั่งส่วนใหญ่จะเป็นเศษไม้ซะมากที่สุด มีขยะที่น่ารังเกียจน้อย แสดงว่าคนส่วนใหญ่เริ่มมีวัฒนธรรมหรือจิตใจสูงขึ้น ไม่ค่อยทิ้งขยะลงทะเลเฉกเช่นก่อนๆ หน้าโน้น


ก็ไม่รู้หรอกครับว่าเศษไม้เหล่านั้นทะเลจะพัดพาจากแหล่งใดมา แต่ในฐานะเจ้าของที่ดิน จะปล่อยให้ขยะวางเกลื่อนอยู่หน้าบ้านก็คงไม่ใช่ที่ ก็เลยต้องเก็บมาเผา กวาด และก็กวาด ทั้งที่ของเราเองและที่ข้างเคียง อย่างน้อยชายหาดก็จะได้กลับมาดูสะอาดตาสบายใจเหมือนเดิม ก็ต้องค่อยๆ กวาด ค่อยๆ เก็บไปเรื่อยๆ เพราะผมทำคนเดียว มีภรรยามานั่งให้กำลังใจใกล้ๆ  เก็บไปเผาไป เห็นเศษไม้ท่อนใหญ่ๆ มากมาย ก็เลยเก็บเอาไว้ทำฟืนซะเลย เวลาเพื่อนๆ มาตั้งแคมป์ตกปลา จะได้มีฟืนก่อไฟให้แสงสว่างยามกลางคืนแถมหุงหาอาหารได้อีกด้วย เห็นไหมละครับทะเลไม่ได้ส่งขยะมาให้ผมซะหน่อย แต่ให้เชื้อเพลิงจำนวนมหาศาลให้เก็บเอาไว้ใช้โดยไม่ต้องซื้อ นี่ก็กะว่าจะเก็บกลับบ้านไปทำฟืนหุงข้าวแทนแกสที่แพงขึ้นทุกๆ เดือน ซะเลย คงประหยัดค่าแกสได้อีกโข

คงต้องขอบคุณทะเล ที่ให้ทั้งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ทั้งกุ้งหอยปูปลาแล้ว ยังหอบหิ้วฟืนจำนวนมหาศาลมาให้ใช้อีกด้วย ธรรมชาติในวันโหดร้ายก็ยังมีมุมที่น่ารักๆ ซ่อนอยู่ เพียงแต่ว่าเราเห็นแล้วเราจะคิดและจินตนาการอย่างไร และที่ผมสบายใจมากที่สุดคือก่อนซื้อที่ดินติดทะเลแปลงนี้ได้สอบถามคนเฒ่าคนแก่ที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ บอกว่าทะเลที่นี้ไม่เคยมีพายุพัดเข้ามาตรงๆ น้ำทะเลไม่เคยท่วมสูงพ้นแนวหาดขึ้นมาเลย  น้ำก็ไม่เคยท่วม ถึงหน้าฤดูมรสุม ลมจะแรงซักหน่อยก็ไม่ได้รุนแรงมาก ผมเดาว่าคงเพราะมี 2 เกาะใหญ่นั่นก็คือเกาะสมุยและเกาะพะงันที่ช่วยบังทิศทางลมและคลื่นไว้ให้โดยบังเอิญ โดยทั้งเกาะสมุยและเกาะพะงันสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสจากหน้าหาดของผมเลยทีเดียว


 เก็บฟืน กวาดขยะ หน้าหาดมา 3 วันแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมด เพราะหน้าหาดยาวหลายกิโลเมตร ผมทำคนเดียวไม่หมดแน่ๆ แต่ก็ยังดีที่ได้ทำ ทำแล้วสบายใจ หน้าหาดกลับมาดูสวยงาม ที่สำคัญได้ฟืนกองเบ้อเริ่มเทิ่มซะด้วย  ฉะนั้นในทุกวิกฤต ในทุกปัญหา มันก็ต้องมีสิ่งดีๆ แฝงอยู่บ้าง เพียงแต่เราจะมองให้เห็นและรับรู้ในสิ่งที่ดีๆ เหล่านั้น และเก็บมาคิดนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้างหรือไม่เท่านั้นเอง เพราะการมัวแต่โทษฟ้าโทษฝน โทษชะตา มันไม่ได้ช่วยประโยชน์อะไรเลย ออกไปเก็บฟืนมาไว้หุงต้มแทนแกสกับผมกันไหมละครับ แล้วจะรู้ว่า หลังวันที่พายุร้ายพัดผ่านไปแล้ว ก็ยังมีสิ่งที่ดีๆ ทิ้งไว้ให้เราอยู่บ้าง ทุกอย่างไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมด หุหุหุหุ
ข้อมูลโดย
ก้าวหน้าดอทคอม


ความคิดเห็น